เพื่อครอบครัวจะได้เป็นสุข

มื้อเย็นที่บ้านเป็นมื้อที่ทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะแบบนี้ พ่อจึงใช้ช่วงเวลามื้อเย็นสำหรับการพูดคุยและหารือต่างๆ โดยเฉพาะวันนี้ที่พ่อจะพูดเรื่องการดูหนังHDด้วยกัน
“พ่อมีเรื่องอยากจะพูดหน่อยนะ” พ่อเริ่มเกริ่นเรื่อง
“มีอะไรเหรอคะ พ่อ” ฉันถามพลางมองหน้าพี่ชายแบบต้องการคนช่วย ซึ่งพี่ชายก็ช่วยเสริมทันที
“นั่นสิครับ พ่อมีอะไรจะพูดกับพวกเราเหรอครับ”
“ผมอยากจะรู้แล้วครับ พ่อ” น้องชายคนเล็กสุดพูดทั้งสีหน้าสีตาจริงจังจนแม่ต้องเอ่ยปาก“พี่นก พี่แนน ตานนท์ ลูกๆ ไม่ต้องซีเรียสหรอกจ้ะ พ่อไม่ได้มีอะไรมากมายนัก เพียงแต่อยากจะบอกกล่าวนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นจ้ะ”
“ที่แม่บอกก็ถูกนะ ไม่มีอะไรซีเรียสหรอก พ่อแค่อยากจะทำให้ครอบครัวของเราอบอุ่นแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันมากขึ้นเท่านั้น” พ่อว่า
“พวกเราก็อยู่พร้อมหน้ากันทุกวันแล้วนี่คะ” แนนเอ่ย
“มันเฉพาะมื้อเย็นใช่ไหม พี่แนนที่เราอยู่กันครบ แต่เวลาอื่นล่ะ ตอนเช้าต่างคนต่างตื่น กลางวันก็ทานข้าวกันแล้วแต่ใครจะหิว มีเพียงตอนเย็นเท่านั้นที่ได้เจอทุกคน บางวันก็ไม่ได้เจอ ถ้าพี่นกกับพี่แนนออกไปนอกบ้าน” ผู้เป็นแม่พูดยืดยาวจนลูกชายคนโตและลูกสาวก้มหน้างุด
“มีนนท์คนเดียวอยู่กับพ่อกับแม่ทุกวันทุกเวลาเลยนะครับ” นนท์เอ่ยปนขำอันเป็นความคิดแบบเด็กๆ ทำให้พ่อกับแม่หัวเราะได้
“แล้วพ่อจะให้พวกเราทำยังไงครับ ผมกับแนนมีชีวิตนอกบ้านและมีงานจะต้องรับผิดชอบนะครับ เรายังไม่จำเป็นจะต้องอยู่ติดบ้านเหมือนเจ้านนท์นะครับ”
“พ่อเข้าใจดีนะ นกว่า ลูกกับน้องอยู่ในวัยเรียน มีเพื่อน มีกิจกรรม แต่พ่อก็อยากจะให้ลูกๆ แบ่งเวลาให้ครอบครัวบ้าง ลูกรู้ไหม ที่พ่อกับแม่เปิดกิจการมินิมาร์ทและซักอบรีดที่บ้าน ก็เพราะต้องการจะทำงานที่บ้านอยู่กับบ้านอยู่กับลูกๆ” พ่อพูดเสียงจริงจังจนทุกคนนิ่งเงียบและแม่จึงเอ่ย
“อันที่จริงเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเลย แล้วที่พ่อกับแม่จะแก้ไขเรื่องนี้มันเป็นการบันเทิงด้วยนะ ลูกๆ ไม่ต้องซีเรียสกันไปหรอกจ้ะ”
“พี่นกพี่แนนครับ อย่าเพิ่งเครียดนะครับ ฟังพ่อกับแม่ก่อนนะครับ // แม่ครับ จะทำยังไงเหรอครับ” น้องเล็กสุดพูดแบบใจเย็นด้วยใบหน้าสดใส ทำให้พี่ทั้งสองเห็นด้วยและปรับสีหน้า
“ไม่เอาไม่เครียด คืออย่างนี้ พ่อกับแม่แค่อยากจะให้เรากับลูกๆดูหนังHDด้วยกันอาทิตย์ละครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง” พ่อว่า
พอพ่อเฉลยข้อข้องใจ ทุกคนในที่นั้นก็ยิ้มออก โดยเฉพาะน้องคนเล็กที่เป็นขาประจำการดูหนังอยู่แล้ว ซึ่งพ่อกับแม่ได้พูดเสริมอีกว่า
“อันที่จริงการดูหนังแบบนี้ใครๆ ก็ทำกัน แต่จะมีบ้านไหนดูด้วยกันทั้งบ้านหรือเปล่าล่ะ เพราะเรื่องธรรมดาง่ายๆ บางครั้งมันก็เป็นเรื่องยาก ยิ่งมีเหตุผลส่วนตัวมาข้องเกี่ยวอย่างเช่น อายุและความชอบ ก็ยิ่งยาก เพราะหลายคนอาจจะไม่นึกถึงวิธีรอมชอมเลย เป็นต้นว่าให้ทุกคนเลือกหนังที่ชอบและก็ดูด้วยกัน ตามลำดับผู้อาวุโส แบบนี้เรียกว่าเป็นการทำให้ทุกคนควรปรับตัวและยอมรับความแตกต่าง เพื่อครอบครัวจะได้เป็นสุขกันนะ”
เมื่อพ่ออธิบายทั้งเหตุและผลต่างๆ แล้ว ทุกคนจึงเข้าใจและยอมทำตาม เพื่อครอบครัวจะได้เป็นสุข..ก็เพียงแค่นี้เท่านั้น