หลัก 6 อ. สุขภาพดีง่ายๆ แค่ทำตามนี้

เมื่อเรามีสุขภาพที่ดี เราก็สามารถทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้สุขภาพจิตของเราดีด้วย เพราะเมื่อเราไม่เจ็บป่วย เราก็ไม่ต้องกังวลว่างานหรือกิจกรรมที่ทำอยู่จะสะดุดหรือเกิดอาการเจ็บป่วยจนส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ เพราะฉะนั้นมันคงดีกว่าถ้าคุณนั้นจะดูแลตัวเองให้ดี เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตตามปกติต่อไป และวันนี้เรามีหลัก 6 อ. สุขภาพดีมาฝากกัน รับรองว่าคุณนั้นจะมีสุขภาพที่แข็งแรงและไม่แน่ว่าคุณก็อาจจะกลายเป็นเน็ตไอดอลคนต่อไปด้วย
หลัก 6 อ.สุขภาพดี คืออะไร
หลัก 6 อ.สุขภาพดี คือ การปฏิบัติตนให้ดำรงชีวิตได้ยาวนานและมีความสุขที่สุด ทุกคนจึงควรดูแลสุขภาพของตนเองให้มีภูมิต้านทานที่ดี โดยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ปราศจากโรค มีอารมณ์แจ่มใส มีอนามัยและสิ่งแวดล้อมดี และปลอดอบายมุขนั่นเอง
หลัก 6 อ. สุขภาพดี มีอะไรบ้าง
1.อาหาร คือ การรู้จักบริโภคอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ไม่กินอาหารดิบ ปลอดสารพิษด้วยและต้องมีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอกับอายุและร่างกายของผู้รับประทานด้วย
2.ออกกำลังกาย คือ ต้องสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายให้เหมาสมกับช่วงวัยของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เข้าใจหลักการออกกำลังกายที่ถูกต้อง
3.อารมณ์ คือ ต้องรู้จักการควบคุมอารมณ์ของตัวเองและเรียนรู้อารมณ์ของตนเองอย่างมีสติเมื่อเจอสถานการณ์ รู้จักวิธีการลดความเครียดและความวิตกกังวลต่างๆ สร้างสายใยและความสัมพันธ์ต่อครอบครัวและคนรอบข้าง
4.อนามัยและสิ่งแวดล้อม คือ คุณต้องปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพและเพื่อสร้างจิตสำนึกต่อส่วนรวม และต้องดูแลสุภาพแวดล้อมของตัวเราทั้งในบ้านและบริเวณบ้าน
5.อโรคยา คือ โรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
6.อบายมุข คือ พฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดปัญหากับตนเองและสังคม เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุราหรือเล่นการพนัน เป็นต้น
การปฏิบัติตัวตามหลัก 6 อ.ต้องทำอย่างไรบ้าง
สำหรับการปฏิบัติตัวตามหลัก 6 อ. สุขภาพดีนั้นเป็นสิ่งที่คุณควรทำ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดี
-อ.1 คือ อาหาร คุณต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และไม่ควรทานของมันของทอดมากเกินไป เพราะว่าอาจทำให้น้ำหนักมากเกินกว่าดัชนีมวลกาย และที่สำคัญคุณควรทานผัก 1 ใน 4 ของอาหารที่ทานในแต่ละมื้อ และให้ล้างผักก่อนทาทุกครั้ง และอย่าลืมทานโปรตีนจากถั่ว อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 มื้อ และควรทานผลไม้อย่างน้อยร้อยละ 10 ของแต่ละมื้อ และผลไม้นั้นต้องไม่หวานมากเกินไป
-อ.2 คือ การออกกำลังกาย อย่างน้อย คุณควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที อาทิตย์ละ 3 วัน ก่อนออกกำลังกายควรอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายและผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายทุกครั้ง และควรออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัยของคุณด้วย อย่างไรก็ตามหากคุณมีโรคประจำตัวและอยากออกกำลังกาย คุณควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน หรือถ้าคุณต้องการลดน้ำหนัก คุณควรออกกำลังกายในตอนเช้า เพราะว่าจะมีการนำคาร์โบไฮเดรตจากอาหารมื้อเย็นมาใช้เป็นพลังงาน ช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้ดี
-อ.3 คือ อารมณ์ คุณต้องพยายามผ่อนคลายความเครียดและสร้างอารมณ์ที่ดีให้กับตนเอง หากคุณนั้นมีความเครียดหรือกำลังกังวลอะไรอยู่ ให้คุณลองทำสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ เพราะเมื่อคุณจิตใจสงบ คุณจะเห็นช่องทางแก้ไขปัญหาได้เอง และที่สำคัญหากคุณไม่อยากเครียด การทำให้ตัวเองอารมณ์ดีตลอดเวลา คือสิ่งสำคัญนั้น คือ ยิ้มกับทุกคน หรือว่าจะทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ และสำรวจอารมณ์ตัวเองอยู่เสมอ
-อ.4 คือ อนามัยและสิ่งแวดล้อม คุณจะต้องให้ความสำคัญกับบริเวณบ้านและบริเวณชุมชนของคุณด้วย บ้านที่ดี คือ มีความสะดวกสบาย อากาศถ่ายเท ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ มีน้ำดื่มที่สะอาด ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ และมีการกำจัดแมลงเชื้อโรคต่างๆ ส่วนในชุมชนนั้นจะต้องมีการจัดระบบสิ่งแวดล้อม มีความปลอดภัยสูง เป็นเขตปลอดอบายมุข
-อ.5 คือ อโรคยา คือ ความปราศจากโรค คือ ลดความเสี่ยงจากอาการเจ็บป่วยได้ โดยการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นสังเกตตัวเองว่ามีอาการผิดปกติอะไรหรือไม่ เพื่อจะได้พบแพทย์อย่างทันท่วงที
– อ.6 คือ การหลีกเลี่ยงอบายมุข เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือการพนัน ซึ่งคุณเองต้องคอยสังเกตคนใกล้ชิดด้วยว่ามีอาการติดยาเสพติดหรืออบายมุขอื่นหรือไม่ เพื่อจะได้ป้องกันสมาชิกในครอบครัวและคนใกล้ตัวก่อนที่จะสายเกินไป
ทั้งหมดนี้คือ หลัก 6 อ.สุขภาพดีที่คุณและคนใกล้ตัวสามารถทำได้ เพราะเป็นสิ่งที่ทุคนควรทำอยู่แล้ว เพราะการมีสุขภาพที่ดีจะทำให้คุณมีความสุขและใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ การมีสุขภาพกายที่ดีก็ส่งผลถึงสุขภาพจิตของคุณด้วย เพราะว่าคุณไม่ต้องมานั่งกังวลกับร่างกายที่อ่อนแอหรือภาวะความเครียดเรื่องอาการป่วยต่างอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม หากคุณพบว่าคุณมีอาการป่วยเรื้อรัง ให้คุณนั้นรีบไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยว่า คุณเป็นอะไรจะได้ปฏิบัติตัวและดูแลรักษากันต่อไป เพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพจิตใจที่ดีดังเดิม